
HUAWEI Mate X กับ Samsung Galaxy Fold เป็นนวัตกรรมสมาร์ทโฟนต้นแบบที่จะมาเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้คนในทศวรรษหน้า ด้วยหน้าจอชนิด OLED ที่สามารถพับเข้าหรือกางออกได้ ทนทานต่อการม้วนโค้งงอได้ดี ไม่มีปัญหาในบริเวณบานพับแม้ว่าจะพับหรือกางออกบ่อยครั้งในแต่ละวัน เสมือนกับ Tablet จอใหญ่ที่สามารถพับครึ่งกลายเป็น Smartphone ใส่ในกระเป๋ากางเกง พกพาได้เหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป แม้ว่า HUAWEI Mate X กับ Samsung Galaxy Fold ออกแบบมาด้วยแนวคิดคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันในบางจุด ดังนี้
ความละเอียดหน้าจอและรูปแบบการพับ
เริ่มต้นกันที่ HUAWEI Mate X ซึ่งเคยนำมาโชว์ให้สื่อมวลชนได้ยลโฉมแล้วในประเทศไทย ครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็น ก็ต้องว้าวกับความคมชัดและสีสันหน้าจอที่สวยอลังการอย่างมาก ดีไซน์ในขณะกางหน้าจอออก หัวเว่ยเรียกว่า Falcon Wing เพราะคล้ายกับปีกนกฟอลคอน เป็นการออกแบบขอบบานพับที่ยืดหยุ่น มีความมั่นคง และทนทาน หน้าจอไม่ยืดจนเกินไปขณะพับหรือโป่งนูนเมื่อกางเครื่องออกมา หน้าจอเมื่อกางออกจะขยายใหญ่เป็น 8 นิ้ว มีความละเอียด 2480 x 2200 พิกเซล อัตราส่วน 8 : 7.1 ดีไซน์หน้าจอเป็นสี่เหลี่ยมสมบูรณ์ที่ไร้ติ่งและไร้ขอบ ติดตั้งกล้องที่ใช้เทคโนโลยีถ่ายภาพจาก Leica 3 เลนส์และเซ็นเซอร์ไว้ที่ขอบจอด้านหนึ่ง สำหรับการพับจะเป็นการพับหน้าจอเข้าหาขอบด้านข้างที่มีกล้องอยู่ เมื่อพับประกบกัน จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอ 2 ฝั่ง แบ่งเป็นหน้าจอด้านหน้าขนาด 6.6 นิ้วความละเอียด 2480 x 1148 พิกเซล และหน้าจอด้านหลังขนาด 6.38 นิ้วความละเอียด 2480 x 892 พิกเซล

ส่วน Samsung Galaxy Fold มี 2 หน้าจอแยกกัน คือ หน้าจอในส่วนของ Smartphone ชนิด Super AMOLED ขนาดเล็ก 4.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 21:9 พร้อมกล้องหน้าติดตั้งไว้เหนือหน้าจอ และมีกล้องหลังอีก 3 ตัว เมื่อกางหน้าจอออกมาใช้งานเป็น Tablet จะพบกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาดค่อนข้างใหญ่ 7.3 นิ้ว มีติ่งบริเวณมุม ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล อัตราส่วน 4.2 : 3 พร้อมกล้องคู่สำหรับถ่าย Selfie โดยขณะใช้งานเป็น Tablet กล้องหลังของ Smartphone ก็จะยังคงเป็นกล้องหลังของ Tablet ด้วย



ให้สังเกตว่า HUAWEI Mate X พกพาได้สะดวกกว่า Samsung Galaxy Fold เพราะ Mate X พับแล้วมีตัวเครื่องบางมาก มีสันบริเวณกล้องที่ทำให้จับถือใช้งานได้สะดวกมาก ส่วน Galaxy Fold เหมือนเอาสมาร์ทโฟน 2 เครื่องมาประกบกันแบบ Sandwich ที่ถือว่าหนามาก และประกบกันไม่สนิท
ประสิทธิภาพของเครื่อง
เนื่องจากเป็นรุ่นต้นแบบในระดับไฮเอนด์ ทั้งหัวเว่ยและซัมซุง จัดเต็มสเปกที่ดีที่สุดมาให้ โดย HUAWEI Mate X ใช้ชิปประมวลผลรุ่นท็อปของตัวเองอย่าง HiSilicon Kirin 980 ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตร รันที่ความเร็ว 2.6GHz ROM 512GB กับ RAM 8GB สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำ NM card ได้อีก 256GBส่วน Samsung Galaxy Fold ครั้งนี้ไม่ได้ Exynos แต่ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 855 ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตรเช่นกัน รันที่ความเร็วสูงถึง 2.84GHz ROM 512GB กับ RAM 12GB
ส่วนการเชื่อมต่อ HUAWEI Mate X มีโมเด็ม Balong 5000 ที่รองรับเครือข่าย 5G มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 4.6Gbps สามารถโหลดไฟล์ 1GB เสร็จในเวลาเพียง 3 วินาที ส่วน Samsung Galaxy Fold นั้นยังไม่มีการยืนยันว่าใช้งาน 5G หรือไม่ แต่ก็มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 2.3Gbps หรือช้ากว่า Mate X ครึ่งหนึ่ง
แบตเตอรี่
Samsung Galaxy Fold ใส่แบตเตอรี่ 2 ก้อนความจุรวม 4380mAh รองรับ Fast Charge ส่วน Huawei Mate X มีแบตเตอรี่ความจุ 4500mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Huawei SuperCharge 55W สามารถชาร์จไฟได้ 85% ในเพียงเวลา 30 นาที และยังถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ชาร์จแบตเตอรี่เร็วที่สุดในโลก ณ ปัจจุปันนี้กล้อง
HUAWEI Mate X ใส่กล้อง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica การันตีได้ว่าจะเป็นกล้องที่ยอดเยี่ยมระดับท็อปเช่นเคย โดยตำแหน่งของกล้องจะอยู่ที่ขอบด้านข้างของเครื่อง แบ่งเป็นกล้องหลักความละเอียด 48MP, กล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8MP และกล้องเลนส์มุมกว้างแบบ UltraWide ความละเอียด 16MP พร้อมความพิเศษด้วยโหมด Mirror Shooting เมื่อเข้าโหมดกล้อง หน้าจอจะแสดงภาพเหมือนกันทั้งสองหน้าจอ ทำให้บุคคลที่ถูกถ่ายภาพกับคนที่กดถ่ายภาพ มองเห็นภาพพร้อมกัน สามารถยิ้มหรือโพสต์ท่าได้พร้อมกับการเห็นว่าภาพถ่ายจะออกมาแบบไหนได้ทันที และกล้อง Leica นี้ สามารถใช้งานเป็นได้ทั้งกล้องหลักและกล้องเซลฟี่ในตัวเดียวกัน เพราะขณะพับ มีจอทั้งสองฝั่งนั่นเองSamsung Galaxy Fold มาพร้อมกับกล้องมากถึง 6 ตัว แบ่งเป็น กล้องด้านหลัง 3 ตัว มีกล้องหลักความละเอียด 12MP, กล้องเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP และกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ UltraWide ความละเอียด 12 MP เมื่อพับเครื่องเป็นสมาร์ทโฟนจะมีกล้องเซลฟี่ขนาด 10 ล้านพิกเซล หากกางเครื่องออกเป็นแท็บเล็ทจะมีกล้องคู่สำหรับถ่าย Selfie ความละเอียด 10MP+8MP
ทั้งสองรุ่นนี้ ถือว่านวัตกรรมต้นแบบที่กำลังเริ่มเดินสายจากผลิตจากโรงงาน พร้อมวางจำหน่ายในช่วงกลางปีนี้ ระดับราคา 6-8 หมื่นบาท มั่นใจว่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นเทรนด์ของสมาร์ทโฟนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่เราจะได้เห็นใคร ๆ ก็นิยมใช้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับหรือกางออกได้ในราคาที่ค่อย ๆ ต่ำลงเรื่อย ๆ ให้ทุกคนเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
No comments: